อ่าน 343 ครั้ง 26/Sep/23
1. ทุเรียน
ทุเรียนถือเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อเรื่องของความหวาน และยังให้พลังงานสูงมากๆ จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวานที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งหากอยากทานจริงๆ ก็สามารถทานได้ แต่ควรทานในปริมาณน้อย
2. ขนุน
ขนุนก็ถือเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีน้ำตาลสูง จึงควรทานในปริมาณที่พอเหมาะ หรืออาจจะหลีกเลี่ยงไม่ทานเลยก็ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับน้ำตาลมากจนเกินความจำเป็น
3. มะม่วงสุก
มะม่วงสุกเป็นผลไม้ที่ใครหลายคนชื่นชอบ ซึ่งจะนิยมนำมาทานเป็นผลไม้ หรือจะนำไปทำของหวานก็ได้ เนื่องจากมะม่วงนั้นมีรสชาติหวานอร่อย แต่ก็มีน้ำตาลสูงเช่นกัน จึงควรทานแต่พอดี
4. ลำไย
ลำไย ! ไม่ใช่คำบ่น่ะ แต่เป็นผลไม้ที่มีความหวานสูง ถึงแม้จะเป็นลูกเล็กๆ แต่หากทานในปริมาณมาก ก็ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นได้ และอาจทำให้เกิดร้อนในได้อีกด้วย
5. กล้วยไข่
อย่างที่ทราบกันดีว่ากล้วยถือเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งจะต้องเลือกทานให้เหมาะสม โดยผู้ป่วยเบาหวานควรจะหลีกเลี่ยงการทานกล้วยไข่ เนื่องจากเป็นกล้วยที่มีปริมาณน้ำตาลสูงที่สุด
6. องุ่น
องุ่นนั้นมีความหวานและมีปริมาณน้ำตาลต่อผลสูงมาก โดยหากทานองุ่น 15 ผลจะเทียบเท่ากับการทานน้ำตาลถึง 3 ช้อนชาเลยทีเดียว จึงไม่แปลกที่จะเป็นผลไม้ที่ผู้ป่วยเบาหวานควรหลีกเลี่ยง
7. ละมุด
ถึงแม้ละมุดจะเป็นผลไม้ที่ตามฤดูกาล ที่ไม่ได้มีตลอดทั้งปี แต่ก็ยังถือเป็นผลไม้ที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เนื่องจากละมุดนั้นมีความหวานและน้ำตาลสูง
8. มะขามหวาน
มะขามหวานถือเป็นผลไม้ที่มีความหวานสูงมาก หากทานอย่างไม่ระมัดระวัง จะทำให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นได้ โดยหากอยากทานจริงๆ ก็อาจจะลองหันไปทานเป็นมะขาวที่มีรสอมเปรี้ยวแทนได้
9. ลิ้นจี่
ลิ้นจี่นั้นมีอยู่หลายสายพันธุ์ให้เลือกทาน แต่ที่นิยมจะเป็นสายพันธุ์ที่มีรสหวาน ซึ่งจะมีปริมาณน้ำตาลสูงมาก รวมถึงลิ้นจี่ยังถือเป็นผลไม้ที่มีน้ำเยอะ และสามารถทานได้ง่าย จึงต้องทานอย่างระมัดระวังไม่ให้ทานมากเกินไป
10. น้อยหน่า
หลายคนอาจคิดว่าน้อยหน่าเป็นผลไม้ที่ไม่ได้มีน้ำตาลสูงอะไร แต่ในความเป็นจริงแล้วน้อยหน่านั้นมีความหวาน และน้ำตาลสูงมาก ผู้ป่วยเบาหวานจึงควรทานในปริมาณที่พอเหมาะ
11. เงาะ
เงาะถือเป็นผลไม้เมืองร้อนที่มีความฉ่ำน้ำ ทานแล้วสามารถช่วยดับร้อน และทำให้รู้สึกสดชื่น แต่ความฉ่ำของเงาะนั้นก็แถมมาด้วยความหวาน และน้ำตาลที่สูงเช่นกัน จึงไม่เหมาะกับผู้ป่วยที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
12. มังคุด
สำหรับราชินีของผลไม้อย่างมังคุด แม้ว่าจะมีประโยชน์มากมายๆ ทั้งช่วยดับร้อน และมีวิตามินสูง แต่มังคุดเองก็ถือเป็นผลไม้ที่ความหวาน หากทานมากเกินไปก็อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้
13. อ้อย
อ้อยเป็นผลไม้ที่สามารถทานได้ง่ายทั้งแบบสด และแบบที่เป็นน้ำอ้อย แต่อ้อยนั้นจะมีปริมาณน้ำตาลที่สูงมาก ผู้ป่วยเบาหวานจึงควรหลีกเลี่ยง และระมัดระวังไม่ให้ทานมากจนเกินไป
14. ลูกพลับ
ลูกพลับเป็นผลไม้ที่มีรสชาติอร่อย มีวิตามินและใยอาหารสูง ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่หากทานมากเกินไปก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้เช่นกัน เพราะลูกพลับนั้นเป็นผลไม้ที่หวาน และให้พลังงานสูง
15. สาลี่
สาลี่ถือเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่นิยมทานกันมากสำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากมีรสชาติหวานฉ่ำ และมีน้ำเยอะทานแล้วอยู่ท้อง ซึ่งก็ควรทานในปริมาณที่พอเหมาะด้วย เพื่อให้ได้ประโยชน์ และไม่ให้น้ำตาลในเลือดสูง
16. มะพร้าว
ถึงแม้ว่ามะพร้าวจะเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานต่ำ และมีประโยชน์หลายอย่าง แต่หากทานมากเกินไป โดยเฉพาะการทานน้ำมะพร้าวที่มีความหวาน ก็อาจทำให้ปริมาณน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้เช่นกัน
17. อินทผาลัม
อินทผาลัมถือเป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณมากมาย รวมถึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของอินซูลินได้อีกด้วย โดยควรเลือกทานเป็นแบบผลสด และหลีกเลี่ยงการทานอินทผาลัมที่ผ่านการแปรรูป เพราะจะมีปริมาณน้ำตาลสูง
18. มะปราง
มะปรางเป็นผลไม้เขตร้อนที่มีรสชาติหวาน และมีปริมาณน้ำตาลสูง ไม่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน แต่หากอยากทานจริงๆ ก็ควรทานในปริมาณที่พอเหมาะ
19. มะละกอสุก
มะละกอสุกนั้นอุดมไปด้วยวิตามิน และใยอาหารสูง ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นอีกด้วย แต่ขึ้นชื่อว่าผลไม้สุก ก็มักจะมีความหวานที่มากเป็นธรรมดา จึงไม่ควรทานมากเกินจนไป เพราะจะทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้
20. ส้ม
ส้มเป็นผลไม้ที่มีแร่ธาตุและวิตามินซีสูง ทำให้หลายคนทานส้มกันในปริมาณมากๆ เพราะคิดว่ายิ่งทานมาก ก็ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ความจริงแล้วส้มถือเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง ซึ่งผู้ป่วยเบาหวานไม่ควรทานมากจนเกินไป
สำหรับผลไม้ที่ผู้ป่วยเบาหวานควรหลีกเลี่ยง ส่วนใหญ่จะเป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวาน และมีปริมาณน้ำตาลสูง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วผลไม้เหล่านี้มีใยอาหาร และวิตามินที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เพียงแต่ผู้ป่วยเบาหวานจะต้องทานในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ทานมากจนเกินไป เพื่อให้สามารถได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน และยังเป็นการป้องกันไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นได้อีกด้วย