อ่าน 234 ครั้ง 25/Sep/23
เนื่องจากหลอดลมผู้ป่วยโรคหืดไวต่อสิ่งกระตุ้นผิดปกติ ดังนั้นเวลาสัมผัสสิ่งกระตุ้นหลอดลมจะหดตัวทำให้หลอดลมตีบ
อาการหอบ หายใจลำบากและมีเสียงหวีดนี้ บางครั้งอาจทุเลาหายไปได้เองหรือดีขึ้นเมื่อกินยาหรือพ่นยาขยายหลอดลม
ก่อนหน้านี้เข้าใจกันว่า โรคหืดเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ จึงรักษาแต่อาการที่เกิดจากหลอดลมหด โดยการให้ยาคลายกล้ามเนื้อ หรือ ยาขยายหลอดลม แต่ปัจจุบันความรู้เกี่ยวกับโรคหืดพัฒนาไปมาก มีวิธีการรักษาโรคหืดที่ได้ผล ทำให้ผู้ป่วยโรคหืดมีชีวิตเหมือนคนปกติธรรมดาได้ โดยมีแนวทางดังนี้
1. ผู้ป่วยและญาติต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคหืด และ ยารักษาโรค พร้อมให้ความร่วมมือกับแพทย์ในการรักษา
2. ผู้ป่วยต้องหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้หอบ โดยเฉพาะพวกสารก่อภูมิแพ้ ฝุ่นบ้าน ไรฝุ่น และขนสัตว์
3. ผู้ป่วยจะต้องรู้จักการประเมินโรค ต้องมีการประเมินสมรรถภาพปอดด้วย และถ้ามีพีคโฟลว์ มิเตอร์ (Peak Flow Meter) ไว้ที่บ้านจะสามารถประเมินและติดตามอาการของโรคได้ดีขึ้น
4. การใช้ยารักษามี 2 ชนิดคือ
4.1. ยาควบคุมโรค (Controllers) เป็นยาที่ใช้เพื่อควบคุมโรคต้องใช้สม่ำเสมอแม้ว่าจะไม่มีอาการประกอบด้วยยาพ่นสเตียรอยด์ (inhaled corticosteroids) เป็นยาหลักที่ใช้ในการรักษาโรคหืดโดยเฉพาะ และเป็นยาที่ปลอดภัย เพราะขนาดยาที่ใช้จะต่ำมาก
แต่ก็อาจมีอาการข้างเคียงตามมาได้ เช่น เสียงแหบและมีฝ้าขาวในปากจากเชื้อรา ซึ่งสามารถป้องกันได้โดยบ้วนปากทุกครั้งหลังพ่นยาด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือ
4.2. ยาขยายหลอดลม หรือ ยาบรรเทาอาการ (relievers) จะใช้เฉพาะเวลาที่มีอาการหอบเท่านั้น อาการข้างเคียงของยากลุ่มนี้คืออาจจะมีใจสั่น มือสั่นบ้าง
ยาพ่นเป็นยาที่ดี เพราะเป็นยาที่ใช้เฉพาะที่ ได้ผลดีและปริมาณยาที่ใช้มีขนาดต่ำมาก ทำให้มีอาการข้างเคียงน้อยกว่ายากิน ปัจจุบันการรักษาจึงนิยมใช้ยาชนิดสูดพ่นเป็นหลัก