สาเหตุของโรคเก๊าท์ - การดูแลรักษา

อ่าน 228 ครั้ง 21/Sep/23


 

สาเหตุของโรคเก๊าท์ - การดูแลรักษา 

โรคเก๊าท์ คือโรคข้ออักเสบชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยเกิดขึ้นได้ในทุกเพศและทุกวัย ผู้ป่วยโรคนี้มักมีอาการปวดที่เกิดขึ้นเร็ว บวมแดง และแสบร้อนข้อต่อในร่างกาย แต่โดยส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นที่ข้อนิ้วหัวแม่เท้า โรคเกาต์สามารถกำเริบขึ้นได้ทุกเวลาซึ่งทำให้ตื่นกลางดึกด้วยความปวดร้อนบริเวณนิ้วหัวแม่เท้าเหมือนถูกไฟลวก  ความรุนแรงของอาการโรคเก๊าท์อาจมีสลับหนักเบา  อย่างไรก็ตามมีวิธีจัดการและป้องกันอาการเหล่านี้ได้

อาการของโรคเก๊าท์

  • ปวด บวม แดง ร้อน โดยเฉพาะบริเวณนิ้วหัวแม่เท้า ซึ่งเป็นข้อที่พบบ่อยสุด โดยมากปวดข้อเดียวแต่ก็ปวดหลายข้อได้
  • อาการของเก๊าท์ปวดเป็นๆ หายๆ หรือเรื้อรัง
  • ข้อที่ปวดเก๊าท์พบได้ทุกข้อ แต่พบมากข้อนิ้วหัวแม่เท้า ข้อเท้า ข้อเข่า ข้อมือ ข้อนิ้ว และข้อศอก
  • พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
  • ในรายที่เป็นเก๊าท์มานานอาจพบนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ
  • มักปวดตอนกลางคืน อาการปวดจะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ มักจะมีปัจจัยกระตุ้นได้แก่ การรับประทานอาหารที่มียูริกสูง ดื่มสุรา หรือความเครียด

** ข้อที่พบการอักเสบของเก๊าท์ได้บ่อย ได้แก่ ข้อนิ้วหัวแม่เท้า ข้อเท้า ข้อเข่า ข้อมือ และข้อศอกเรียงตามลำดับ พบว่าข้อที่เป็นจะบวม แดง กดเจ็บ ในรายที่เป็นเรื้อรังจะมีการรวมตัวของกรดยูริกเกิดเป็นก้อนที่ข้อ

อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเก๊าท์

อาหารที่รับประทานสามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ตามปริมาณของสารพิวรีนในอาหาร

1. อาหารที่มีสารพิวรีนมากมากกว่า 150 มิลลิกรัม ผู้ป่วยโรคเก๊าท์ควรงดเว้นหรือหลีกเลี่ยง

ตับ น้ำต้มเนื้อ น้ำเกาเหลา ไต น้ำสกัดจากเนื้อเข้มข้น ปลาไส้ตัน น้ำปลาและกะปิจากปลาไส้ตัน ปลาซาร์ดีน ยีสต์และอาหารหมักจากยีสต์ เช่น เบียร์  หอยเซลล์ ปลาทู ปลารัง เนื้อไก่ เป็ด นก ไข่ปลา

 ควรงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เด็ดขาด เช่น เบียร์ , เหล้า เพราะแอลกอฮอล์ทำให้ยูริคสูงขึ้น

2. อาหารที่มีสารพิวรีนปานกลาง (พิวรีนอยู่ 50-150 มก.) ผู้ป่วยโรคเก๊าท์ทานได้ในปริมาณจำกัด

เนื้อวัว กระเพาะ ผ้าขี้ริ้ว เอ็น เนื้อหมู เนื้อปลา ปู กุ้ง หอย ถั่วเหลือง ถั่วดำ ถั่วแดง ถั่วเขียว ผัก หน่อไม้ฝรั่ง ผักขม เห็ด ดอกกะหล่ำ ชะอม กระถิน

3. อาหารที่มีสารพิวรีนน้อย  หรือเกือบไม่มีเลย  (0-50 มิลลิกรัม) ผู้ป่วยโรคเก๊าท์ทานได้โดยไม่แสลง

ข้าว ขนมจีน เส้นก๋วยเตี๋ยวทุกชนิด วุ้นเส้น บะหมี่ เส้นหมี่ ขนมปังปอนด์ มักกะโรนี ข้าวโพด แคร็กเกอร์สีขาว ไข่ นมและผลิตผลจากนม (เนยแข็ง ไอศกรีม) น้ำมันพืช กะทิ เนย น้ำมันหมู ผัก ผลไม้ทุกชนิด เกาลัด เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ขนมหวานต่างๆ ทองหยิบ ทองหยอด ฝองทอง เค้ก คุกกี้ เครื่องดื่ม กาแฟ ชา โกโก้  ช็อกโกแลต

การรักษาโรคเก๊าท์ ช่วงที่มีข้ออักเสบ

  • ในช่วงที่มีอาการปวดอาจจะรับประทานยาแก้ปวด Paracetamol หรือยาแก้ปวดอื่นๆ
  • ช่วงที่มีการอักเสบของข้อให้ใช้ยา Colchicine 0.6 mg. จน อาการปวดดีขึ้น และต้องหยุดยาทันทีที่ผู้ป่วยมีอาการท้องเสีย
  • ให้ยาลดอาการอักเสบ
  • ช่วงที่ปวดให้พักและดื่มน้ำมากๆ เพื่อป้องกันการตกตะกอนของกรดยุริก
  • ให้นอนพัก ยกเท้าสูง
  • หลีกเลี่ยงการยืนหรือการเดิน
  • ห้ามบีบนวดข้อที่อักเสบ

การปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยโรคเก๊าท์

  • รับประทานยาตามแพทย์สั่ง ซี่งรับประทานติดต่อกันเป็นปีๆ จนกว่าจะไม่มีการตกตะกอนของกรดยูริก หากมีอาการท้องเดินปวดท้องหรือถ่ายยา ควรรีบปรึกษาแพทย์
  • ดื่มน้ำมากๆ เพื่อป้องกันการเกิดนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ และลดความเข้มข้นของปัสสาวะ
  • ควรงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะทำให้ “กรดยูริก” ถูกขับออกจากร่างกายไม่ได้ดี และทำให้ตับสร้าง “กรดยูริก” มากขึ้น ทำให้มีการสะสมของ “กรดยูริก” มากขึ้น
  • งดอาหารจำพวกเครื่องในสัตว์ เพราะ “กรดยูริก” เป็นส่วนหนึ่งของสารพิวรีน ที่พบมากใน ตับ ไต สมอง หัวใจ และกระเพาะอาหารของสัตว์
  • มาพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามอาการ
  • รักษาหรือลดน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

 


บทความที่เกี่ยวข้อง

สาระสุขภาพอื่นๆ