อาการแบบนี้เป็น "ภูมิแพ้อากาศ" หรือเป็น "หวัด" - ภูมิแพ้อากาศ

อ่าน 311 ครั้ง 19/Sep/23


 

อาการแบบนี้เป็น "ภูมิแพ้อากาศ" หรือเป็น "หวัด" 

“ภูมิแพ้อากาศ” โรคภูมิแพ้ชนิดหนึ่งที่ถูกกระตุ้นให้เกิดอาการได้เมื่ออุณหภูมิและความชื้นในอากาศมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว รวมถึงการสูดดมสารระคายเคืองต่างๆ เช่น ควันบุหรี่ ควันรถยนต์ โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่มักเลือกซื้อยามาทานเองทำให้การรักษาไม่ตรงจุด และยังเสี่ยงอันตรายต่อเยื่อจมูกได้ ดังนั้น “การดูแลตัวเอง” จึงเป็นอีกวิธีการรักษาโรคที่ให้ผลลัพธ์ที่ดี และยั่งยืน

อาการของคนเป็น “โรคภูมิแพ้อากาศ”

เมื่อต้องเผชิญกับปัจจัยกระตุ้น ไม่ว่าจะเป็นสารก่อภูมิแพ้ การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ และความชื้นในอากาศ จะมีผลทำให้ผู้ป่วยมีอาการจาม คัดจมูก น้ำมูกไหล คันจมูกจนทำให้มักขยี้จมูกจนเกิดรอย มีเสมหะในลำคอ บางรายอาจมีอาการคันตา แสบตา น้ำมูกไหล หรือหูอื้อร่วมด้วย

ภูมิแพ้อากาศ ต่างจาก หวัด ตรงไหน?

หากจะแยกความต่างของ 2 โรคนี้นั้น “หวัด” จะมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล โดยช่วงแรกน้ำมูกจะใสแล้วค่อยๆ ข้นขึ้น แต่จะไม่มีอาการคันจมูก โดยระยะเวลาของโรคจะประมาณ 3-10 วัน ซึ่งต่างกับโรคภูมิแพ้อาการที่ผู้ป่วยจะมีอาการคันจมูกร่วมด้วย รวมไปถึงอาการคันตา น้ำตาไหล และมักมีระยะเวลาของโรคยาวนานมากกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไป

ดูแลตัวเองยังไงให้หายจาก ภูมิแพ้อากาศ

  1. หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำหอมกลิ่นแรงๆ ควันบุหรี่ ควันธูป ควันรถ เพื่อป้องกันไม่ให้อาการภูมิแพ้หนักขึ้น รวมไปถึงหลีกเลี่ยงการเผชิญการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและความชื้นเฉียบพลัน อย่างเช่น หลังจากเดินตากแดดร้อนๆ มา ควรยืนในที่ร่มเพื่อให้ร่างกายได้ปรับอุณหภูมิก่อน จึงค่อยเดินเข้าห้องแอร์ที่มีอุณหภูมิต่ำมากๆ

  2. ทำความสะอาดบ้าน สำหรับผู้ป่วยภูมิแพ้ที่ไวต่อฝุ่นละอองต่างๆ การทำความสะอาดบ้านทั้งด้านในและด้านนอก โดยเฉพาะห้องนอนถือเป็นสิ่งที่สำคัญ ควรเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง รวมไปถึงการแต่งบ้านให้มีของใช้น้อยๆ เพื่อลดการกักเก็บฝุ่น ตลอดจนการเปิดกระจก หรือผ้าม่าน เพื่อให้อากาศสามารถถ่ายเทได้ดี

  3. ออกกำลังกาย เรารู้กันดีกว่าการออกกำลังกายช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ได้มากมาย รวมถึง “โรคภูมิแพ้” เพราะการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ทำให้อาการภูมิแพ้อากาศค่อยๆ หายไป

  4. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการนอนหลับพักผ่อน คือการที่ร่างกายได้ชาร์จแบตหลังถูกใช้งานมาตลอดทั้งวัน

  5. ทานอาหารดีมีประโยชน์ แน่นอนว่าหลักในการดูแลรักษาสุขภาพที่ถูกต้อง “อาหาร” ถือเป็นอีกหัวใจสำคัญ การทานอาหารครบทั้ง 5 หมู่ โดยเฉพาะโปรตีน ผัก และผลไม้ จึงเป็นเหมือนอาหารเสริมที่ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกายได้

 


บทความที่เกี่ยวข้อง

สาระสุขภาพอื่นๆ